บ้านซอยสวนพลู เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานบ้านพักของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ตั้งอยู่ในเลขที่ 19 ซอยพระพินิจ ซึ่งเป็นซอยย่อยของซอยสวนพลู (ซอยสาทร 3) ถนนสาทรใต้ เขตสาทร
บ้านซอยสวนพลูตั้งบนพื้นที่ 5 ไร่ ที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ซื้อไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณจำนวน 5 หลัง เรือนใหญ่หลังกลางซื้อมาจากย่านเสาชิงช้า เมื่อ พ.ศ. 2490 และเรือนไทยภาคกลางอีก 2 หลังซื้อมาจาก อำเภอผักไห่ พระนครศรีอยุธยา การประกอบเรือนเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2503 โดยใช้ช่างปรุงเรือนจากอำเภอผักไห่ เรือนใหญ่หลังกลางนี้เจ้าของเดิมเป็นสุภาพสตรีชรา ว่ากันว่าเมื่อย้ายเรือนมาอยู่ที่ซอยสวนพลู วิญญาณของท่านก็ยังผูกพันติดตามมาด้วย ดังที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เคยเขียนไว้ในหนังสือของท่าน เกี่ยวกับบานประตูเรือนว่าเคยตกน้ำมัน
เดิมที บ้านหลังนี้เป็นของพระพินิจชนคดีสามีของ หม่อมราชวงศ์หญิงบุญรับ พินิจชนคดี พี่สาวของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ และหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ใช้เป็นที่อยู่ของพี่น้องในราชสกุลปราโมช จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจะถูกยึดโดยรัฐบาล และถูกใช้เป็นที่พำนักของทหารญี่ปุ่น แต่ทว่าหม่อมราชวงศ์หญิงบุญรับโอนชื่อเป็นของตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะตกมาอยู่ในความครอบครองของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์
ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2518 สมัยที่ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี บ้านหลังนี้ได้ถูกตำรวจ นำโดย พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ บุกรุกทำลายข้าวของ ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ไม่อยู่บ้าน เหตุเนื่องจากกลุ่มตำรวจไม่พอใจหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ นายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้นเดินทางไปประกันตัวผู้ถูกจับกุมที่ภาคเหนือ จากเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวได้ เหตุนี้สร้างความไม่พอใจแก่ตำรวจเป็นอย่างมาก
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เข้าอยู่อาศัยในบ้านนี้เมื่อ พ.ศ. 2503 และปรับปรุงไปเรื่อย ๆ เป็นเวลากว่าสามสิบปี จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2538 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ประเภทบ้านบุคคลสำคัญ และเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์บ้าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่ในการดูแลของ มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 มีข่าวว่าบ้านซอยสวนพลูจะปิดทำการลง แต่ว่าในที่สุดสามารถหาข้อสรุปได้โดยที่ทางมูลนิธิและทายาทให้เปิดดำเนินการต่อไป
บ้านซอยสวนพลูตั้งบนพื้นที่ 5 ไร่ ที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ซื้อไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณจำนวน 5 หลัง เรือนใหญ่หลังกลางซื้อมาจากย่านเสาชิงช้า เมื่อ พ.ศ. 2490 และเรือนไทยภาคกลางอีก 2 หลังซื้อมาจาก อำเภอผักไห่ พระนครศรีอยุธยา การประกอบเรือนเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2503 โดยใช้ช่างปรุงเรือนจากอำเภอผักไห่ เรือนใหญ่หลังกลางนี้เจ้าของเดิมเป็นสุภาพสตรีชรา ว่ากันว่าเมื่อย้ายเรือนมาอยู่ที่ซอยสวนพลู วิญญาณของท่านก็ยังผูกพันติดตามมาด้วย ดังที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เคยเขียนไว้ในหนังสือของท่าน เกี่ยวกับบานประตูเรือนว่าเคยตกน้ำมัน
เดิมที บ้านหลังนี้เป็นของพระพินิจชนคดีสามีของ หม่อมราชวงศ์หญิงบุญรับ พินิจชนคดี พี่สาวของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ และหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ใช้เป็นที่อยู่ของพี่น้องในราชสกุลปราโมช จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจะถูกยึดโดยรัฐบาล และถูกใช้เป็นที่พำนักของทหารญี่ปุ่น แต่ทว่าหม่อมราชวงศ์หญิงบุญรับโอนชื่อเป็นของตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะตกมาอยู่ในความครอบครองของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์
ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2518 สมัยที่ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี บ้านหลังนี้ได้ถูกตำรวจ นำโดย พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ บุกรุกทำลายข้าวของ ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ไม่อยู่บ้าน เหตุเนื่องจากกลุ่มตำรวจไม่พอใจหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ นายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้นเดินทางไปประกันตัวผู้ถูกจับกุมที่ภาคเหนือ จากเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวได้ เหตุนี้สร้างความไม่พอใจแก่ตำรวจเป็นอย่างมาก
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เข้าอยู่อาศัยในบ้านนี้เมื่อ พ.ศ. 2503 และปรับปรุงไปเรื่อย ๆ เป็นเวลากว่าสามสิบปี จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2538 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ประเภทบ้านบุคคลสำคัญ และเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์บ้าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่ในการดูแลของ มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 มีข่าวว่าบ้านซอยสวนพลูจะปิดทำการลง แต่ว่าในที่สุดสามารถหาข้อสรุปได้โดยที่ทางมูลนิธิและทายาทให้เปิดดำเนินการต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น