2.02.2551



วอชิงตัน-เผยภาพแรกอีกด้านของดาวพุธ นักวิทยาศาสตร์ตะลึงรอยภูเขาไฟคล้ายแมงมุม ยันไม่เคยพบมาก่อนในดาวดวงอื่น องค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ (นาซา) แถลงเมื่อวันพุธ (30 ม.ค.) เปิดตัวภาพแรกของพื้นผิวดาวพุธในด้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยภาพที่ยานสำรวจเมสเซนเจอร์ถ่ายส่งกลับมายังโลกนั้น แสดงให้เห็นแนวสันเขาที่คล้ายกับรอยย่นและร่องรอยการระเบิดของภูเขาไฟหลายครั้ง ตลอดจนร่องรอยที่เกิดขึ้นพร้อมกับการกำเนิดของดาวพุธซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับแมงมุมด้วย นายฌอน โซโลมอน แห่งสถาบันคาร์เนกีแห่งวอชิงตัน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ภารกิจยานเมสเซนเจอร์ เผยว่ารูปบางรูปจากทั้งหมด 1,213 รูป ที่ถ่ายมานั้น ช่วยสนับสนุนหลักฐานว่ามีภูเขาไฟดึกดำบรรพ์อยู่บนพื้นผิวดาวพุธ และร่องรอยเหล่านี้ก็เริ่มมีความเก่าแก่มากขึ้นจนเริ่มก่อตัวเป็นแนวสันเขาที่มีรูปร่างคล้ายรอยยับย่น แต่รูปอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงรอยระเบิดของภูเขาไฟกลับทำให้นักวิทยาศาสตร์แปลกใจและสับสน เนื่องจากไม่เคยเห็นร่องรอยเช่นนี้มาก่อนทั้งบนดาวพุธและดวงจันทร์ รวมถึงดาวดวงอื่นๆ นายเจมส์ เฮด นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ ในรัฐโรดไอแลนด์ กล่าวว่า รอยเหล่านี้เหมือนรอยปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีแนวเส้นแผ่ขยายออกมาจากศูนย์กลาง จึงขนานนามส่วนนี้ว่าเป็น "แมงมุม" แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่ารอยนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ดาวก่อตัวขึ้นหรือเกิดขึ้นหลังจากนั้น โดยนอกจากนี้ดาวพุธยังมีหน้าผาขนาดใหญ่หลายแห่งที่แผ่ตัวไปตามพื้นผิวดาวหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งสามารถบ่งชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวของเปลือกดาวพุธในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้วชาญต่างยืนยันว่า ดาวพุธนั้นเป็นดาวเคราะห์ที่แตกต่างจากที่คาดคิดไว้ โดยการสืบค้นพบว่าดาวซึ่งเล็กที่สุดและอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดแห่งนี้เป็นดาวที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากการที่มีภูเขาไฟที่ยังคงคุกกรุ่นและมีสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ข้อมูลที่ยานเมสเซนเจอร์ส่งมาให้นั้นยังสร้างความแปลกใจให้นักวิทยาศาสตร์อีกประการ คือ ดาวพุธเป็นดาวที่มีสีสันแตกต่างจากที่คาดคิดไว้ตอนแรกว่าจะมีเพียงสีขาวดำเช่นเดียวกับดวงจันทร์ แต่ภาพใหม่ที่ส่งมาซึ่งถ่ายจากด้านที่ไม่เคยสำรวจมาก่อนของดาวพุธแสดงให้เห็นว่า ดาวเคราะห์มีพื้นผิวที่เป็นสีแดงและสีฟ้าไม่เหมือนกับดวงจันทร์ ทั้งนี้ยานเมสเซนเจอร์ออกเดินทางจากโลกตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2548 ก่อนจะเดินทางกว่า 78,000 ล้านกิโลเมตร ไปยังดาวพุธ เพื่อสำรวจพื้นผิวอีกด้านที่ยังไม่เคยเห็น ซึ่งมีถึงร้อยละ 55 ของพื้นผิวทั้งหมด


ข้อมูลจาก

ภาพประกอบจาก http://www.space.com/

ไม่มีความคิดเห็น: